เมื่อไรจะเข้มงวดไม่ให้สูบบุหรี่ในบ้าน: การได้รับควันบุหรี่มือสองจากสมาชิกภายในครอบครัว

โยธิน แสวงดี This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่มีผลต่อผู้สูบบุหรี่โดยตรงนำไปสู่การป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งลำไส้ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคทางเดินหายใจ ฯลฯ และมีส่วนก่อให้เกิดการได้รับควันบุหรี่มือสองในกลุ่มผู้ไม่สูบบุหรี่ที่อยู่อาศัยในสังคมด้วย ที่สำคัญคือ การได้รับควันบุหรี่มือสองที่ตนเองมิได้สูบ เป็นการได้รับควันบุหรี่จากผู้อื่นที่สูบ มีผลทำให้มีโอกาสป่วยเป็นโรคที่เกิดจากควันบุหรี่ได้ ทารกและเด็กที่อยู่ใกล้กับบุคคลที่สูบบุหรี่ เช่น ผู้ปกครอง ญาติ มีโอกาสเสียชีวิตระหว่างคลอดสูง หรือ มีน้ำหนักแรกคลอดต่ำ มีโอกาสป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลม โรคช่องปากอักเสบ โรคปอดบวม โรคระคายเคืองตา เป็นหวัดบ่อย มีพัฒนาการทางสมองช้า ฯลฯ

ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ทำการสำรวจอัตราการรับรู้สถานที่บ่งชี้ที่เป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 19 พ.ศ. 2553 ผลการสำรวจที่น่าสนใจอย่างหนึ่งจากข้อมูลที่เป็นตัวแทนทั้งประเทศคือ ผู้ตอบแบบสอบถามอายุระหว่าง 15 ถึง 64 ปี จำนวน 2,095 คน ร้อยละ 57.3 มีสมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่

 เมื่อถามเฉพาะผู้ตอบที่เคยไปสถานที่ต่างๆ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ ภายใน 30 วันที่ผ่านมา พบว่า เคยได้รับควันบุหรี่มือสองที่ตลาดสด/ตลาดนัด ร้อยละ 73.6 ที่สถานีขนส่ง/ป้ายรถเมล์/สถานีรถไฟ/ท่าเรือ ร้อยละ 72.7 ที่สนามกีฬาร้อยละ 67.9 และที่สถานีตำรวจร้อยละ 66.2 สะท้อนว่า แม้สถานที่สาธาณะต่างๆ เหล่านี้จะเป็นพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ตามกฏหมาย แต่ยังพบเห็นการฝ่าฝืนการสูบบุหรี่อยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูง

เมื่อเน้นวิเคราะห์เฉพาะภายในครอบครัว ผลการสำรวจชี้ว่า ภายใน 30 วันที่ผ่านมา มีผู้เคยได้รับควันบุหรี่มือสองจากรถยนต์ส่วนตัวถึงร้อยละ 24.7 หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ขณะเดียวกันอีกร้อยละ 43.7 ตอบว่าเคยได้รับควันบุหรี่จากภายในตัวบ้าน และร้อยละ 57.7 เคยได้รับควันบุหรี่มือสองภายในรั้วบ้าน เมื่อจำแนกออกตามเขตที่อยู่อาศัย พบว่า ผู้ที่อยู่อาศัยในเขตเมืองได้รับควันบุหรี่มือสอง ทั้งจากภายในรถยนต์ส่วนตัว ภายในตัวบ้าน และภายในรั้วบ้าน สูงกว่าผู้ที่อยู่อาศัยในเขตชนบท (ตารางที่ 1)

สถานที่ เขตเมือง เขตชนบท
ภายในรถยนต์ส่วนตัว 27.3 21.6
ภายในตัวบ้าน 47.0 39.6
ภายในรั้วบ้าน 59.5 54.5

ตารางที่ 1  ร้อยละการเคยได้รับควันบุหรี่มือสองภายในรถยนต์ส่วนตัว ภายในตัวบ้านและภายในรั้วบ้าน เมื่อจำแนกตามเขตที่อยู่อาศัย

กล่าวได้ว่า สัดส่วนร้อยละของการได้รับควันบุหรี่มือสองจากสมาชิกในครัวเรือนทั้งสองพื้นที่อยู่ในอัตราที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้เพราะทั้งรถยนต์ส่วนตัว ภายในตัวบ้านและภายในรั้วบ้าน เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล กฏหมายไม่สามารถครอบคลุมถึงเหมือนที่สาธารณะทั่วไป และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ส่วนมากผู้สูบบุหรี่จะสูบบุหรี่นอกตัวบ้าน ดังที่พบได้ชัดเจนว่ามากกว่าร้อยละ 50 ของทั้งผู้สูบบุหรี่ที่บ้านในเขตเมืองและเขตชนบทจะสูบภายในรั้วบ้านเหมือนกัน

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นอีกจึงขอจำแนกตามเขตการปกครองที่แยกเป็นภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และกรุงเทพมหานคร ข้อค้นพบที่น่าสนใจคือ เมื่อพิจารณาการได้รับควันบุหรี่มือสองภายในรถยนต์ส่วนตัว พบมากที่สุดในคนกรุงเทพมหานคร (ร้อยละ 45.6) รองลงมา คือ คนภาคตะวันออก (ร้อยละ 43.0) และลำดับที่สามคือ คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 34.6) (ตารางที่ 2)

สถานที่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ
ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก กรุงเทพฯ รวม
ภายในระยนต์ส่วนตัว  11.2  34.6 13.8  23.3  43.0  15.1  45.6  24.7 
ภายในตัวบ้าน   31.6 52.3  33.4  46.0  61.2  42.5  52.9  43.7 
ภายในรั้วบ้าน   39..6 68.8  47.2  62.4  78.3  46.3  65.7  57.3 

ตารางที่ 2 ร้อยละการเคยได้รับควันบุหรี่มือสองภายในรถยนต์ส่วนตัวภายในตัวบ้านและภายในรั้วบ้านเมื่อจำแนกตามภาค

สำหรับการเคยได้รับควันบุหรี่มือสองภายในตัวบ้าน พบมากที่สุดในคนภาคตะวันออก (ร้อยละ 61.2) รองลงมาคือ คนกรุงเทพมหานคร (ร้อยละ 52.9) และอันดับสามคือ คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 52.3) การได้รับควันบุหรี่มือสองจากผู้สูบบุหรี่ภายในรั้วบ้านพบแบบแผนที่คล้ายกับการได้รับควันบุหรี่มือสองภายในตัวบ้าน คือ สูงที่สุดในคนภาคตะวันออก (ร้อยละ 78.3) รองลงมา คือ คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 68.8) และอันดับสามคือ คนกรุงเทพมหานคร (ร้อยละ 65.7)

การได้รับควันบุหรี่มือสองมีผลร้ายต่อสุขภาพไม่แตกต่างกับการสูบบุหรี่โดยตรง โอกาสที่จะป่วยด้วยโรคที่เกิดจากพิษของบุหรี่จะมีเท่ากับสูบบุหรี่เอง ผลการสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า การได้รับควันบุหรี่มือสองไม่เพียงแต่ได้รับจากการเดินทางไปที่สาธารณะต่างๆ ที่มีผู้ฝ่าฝืนการสูบบุหรี่ในเขตปลอดบุหรี่หรือพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ตามกฎหมาย แต่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ผู้ตอบแบบสอบถามในสัดส่วนร้อยละที่สูงตั้งแต่ 1 ใน 4 ถึงเกือบร้อยละ 60 ต่างตอบว่าได้รับควันบุหรี่มือสองจากสถานที่ใกล้ตัวมากที่สุด เช่น ภายในรถยนต์ส่วนตัว ภายในตัวบ้าน และภายในรั้วบ้าน ที่แสดงว่าเป็นควันบุหรี่มือสองจากสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้สูบบุหรี่นั่นเอง

การส่งเสริมและรณรงค์ไม่ให้มีการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะจึงยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องบุคคลผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ไม่ไห้ได้รับอันตรายจากการสูบบุหรี่ของบุคคลอื่น แต่จะต้องรณรงค์และส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวที่สูบบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ภายในรถยนต์ส่วนตัว ไม่สูบบุหรี่ภายในตัวบ้าน และไม่สูบบุหรี่ภายในรั้วบ้านด้วย

 

Since 25 December 2012