รางวัลอีกโนเบล

ผม

วรชัย ทองไทย  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

    คนไทยถือว่าหัวหรือศีรษะเป็นของสูง และเป็นที่เคารพ ดังเช่นคำว่า “เจ้าเหนือหัว” อันหมายถึงพระมหากษัตริย์เนื่องจากหัวเป็นของสูง จึงไม่ยอมให้ใครมาจับเล่นได้ นอกจากพ่อแม่และผู้ที่เคารพเท่านั้น ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่อาชีพช่างทำผมเป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทย

    แต่ชาวตะวันตกกลับถือว่า หัวเป็นเพียงอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ จึงไม่ใส่ใจที่ใครจะจับหัวเล่น ซึ่งต่างกับคนไทยที่ไม่ยอมให้ใครมาจับหัว และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการชกต่อยขึ้นได้ แต่ความเชื่อเช่นนี้ได้ลดลงในคนรุ่นใหม่ อันเนื่องมาจากโลกาภิวัฒน์ เช่น การเต้นรำของวัยรุ่นที่ใช้หัวหมุนบนพื้นดิน ซึ่งคนไทยรุ่นเก่าถือว่าเป็นของต่ำ เป็นต้น

    เพราะหัวเป็นที่พิเศษ ภาษาไทยจึงมีคำเรียก “ขน” ที่อยู่บนหัวว่า “ผม” แต่ถ้าอยู่ที่อื่นตามร่างกายก็จะเรียกว่า ขน ทั้งหมด ยกเว้นขนบนใบหน้าที่มีชื่อเรียกต่างๆ กัน ได้แก่ คิ้ว หนวด และเครา

    ส่วนภาษาอังกฤษมีเพียงคำเดียวที่ใช้แทนทั้งผมและขน คือ hair แต่ก็มีคำเฉพาะสำหรับขนบนใบหน้า คือ คิ้ว (eyebrow)  หนวด (moustache) และเครา (beard) เช่นเดียวกับภาษาไทย

    เนื่องจากคนไทยสมัยก่อนนับถือหัว จึงมีพิธีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับผม เช่น โกนผมไฟ (โกนผมเด็กทารก) และโกนจุก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันจะมีให้เห็นแค่โกนผมไฟ แต่ไม่มีเด็กไว้ผมจุกให้โกนอีกแล้ว

    การที่เรามักจะโยงว่าคนแก่ต้องผมหงอก ได้ส่งผลให้คนวัยกลางคนต้องไปย้อมผมกันเป็นแถว โดยเฉพาะนักการเมืองไทย ที่มีแต่คนผมดำ ซึ่งต่างกับประเทศอื่นๆ ที่ถือว่าสีของผมเป็นเรื่องธรรมชาติ เช่น อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในช่วงปี พ.ศ. 2546-2549 นายจุนอิจิโร โคะอิซุมิ ที่ผมทั้งขาวและยาวก่อนอายุ 60 หรืออดีตประธานาธิบดีคลินตัน ที่ผมขาวก่อนอายุ 60 เช่นกัน

    ในเมื่อเรามีความใส่ใจในผมเป็นพิเศษ ก็น่าจะรู้ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผมไว้บ้าง ดังนี้

    ผมและเล็บมีส่วนประกอบของสารชนิดเดียวกันคือ keratin ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง

    คนโดยทั่วไปมีรูขุมขนประมาณ 100,000 รู บนศีรษะ รูขุมขนนี้ไม่สามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้ มีแต่จะค่อยๆ ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น เด็กแรกเกิดจะมีรูขุมขนมากที่สุดคือ ประมาณ 1,000 รู ต่อตารางเซ็นติเมตร (ตร.ซม.) เมื่ออายุ 25 ปี รูขุมขนก็จะลดลงเหลือประมาณ 600 รู ต่อตร.ซม. และจะลดลงอีกจนเหลือประมาณ 300 รู ต่อ ตร.ซม. เมื่ออายุ 40 กว่าๆ จากนั้นก็จะไม่ค่อยลดลงมากนัก อย่างไรก็ตาม จำนวนรูขุมขนและการลดลงของรูขุมขนย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลด้วย เช่น คนผมแดงจะมีรูขุมขนประมาณ 90,000 รู ต่อ ตร.ซม. คนผมดำจะมีรูขุมขนประมาณ 110,000 รู ต่อ ตร.ซม. และคนผมสีทองจะมีรูขุมขนประมาณ 130,000 รู ต่อ ตร.ซม.

    ผมจะเริ่มกลายเป็นสีเทา ก็เพราะเซ็ลล์สีผมในเหง้าผม ที่อยู่ในรูขุมขนทำงานบกพร่อง เหง้าผมจะมีประสิทธิภาพลดลงเมื่ออายุมากขึ้น หรือเมื่อเกิดความกังวล และความกังวลยังมีผลทำให้ผมร่วงอีกด้วย ตามปกติแล้ว ผมจะร่วงวันละ 50-100 เส้น

    ผมผู้หญิงจะยาวช้ากว่าผมผู้ชาย และผู้หญิงร้อยละ 40 เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน ก็จะเริ่มมีอาการผมร่วง ส่วนผู้ชายเมื่อถึงอายุ 50 ปี ประมาณร้อยละ 50 ก็จะเริ่มมีอาการผมร่วงเช่นกัน

    ผมจะยาวประมาณครึ่งนิ้วต่อเดือน และจะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ อีก 6-7 ปี ก็จะหยุดโต จากนั้นผมก็จะร่วง แล้วก็จะมีผมใหม่เกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้ว แต่ละรูขุมขนสามารถสร้างผมใหม่ได้ประมาณ 20 ครั้ง เมื่อไม่มีผมใหม่งอกขึ้นแทนผมเก่าที่ร่วงลงจะเกิดอาการหัวล้าน

    คนส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่า กำลังจะหัวล้าน ก็ต่อเมื่อผมได้หายไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็จะสายเกินแก้แล้ว

    ผมสามารถเจริญเติบโตได้ถึง 1 เมตร จึงจะหยุดโต ผมกว่าจะยาวถึงบ่าก็ต้องใช้เวลาราว 3 ปี และถ้าจะให้ยาวถึงเอว (ราว 80-90 เซนติเมตร) ต้องใช้เวลาประมาณ 7 ปี

    สำหรับรางวัลอีกโนเบลปีล่าสุด ก็ได้ให้แก่ผู้วิจัยเรื่องผม คือ ในสาขาฟิสิกส์ มอบให้กับนักวิจัยอเมริกันและอังกฤษ 4 คน (Joseph Keller, Raymond Goldstein, Patrick Warren และ Robin Ball) ในการคำนวณค่าสมดุลย์ของแรง ที่ทำให้ผมทรงหางม้าเคลื่อนไหวและรักษารูปทรงไว้ได้

ในปี พ.ศ. 2553 ก็ได้มอบให้ผู้วิจัยเกี่ยวกับขน คือ ในสาขาสาธารณสุข มอบให้ Manuel Barbeito, Charles Mathews และ Larry Taylor แห่งสำนักงานความปลอดภัยและสุขภาพทางอุตสาหกรรม ของรัฐแมรีแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับงานวิจัยทดลองที่พบว่า จุลินทรีย์จะติดอยู่ที่เคราของนักวิทยาศาสตร์

รางวัลอีกโนเบล:  รางวัลสำหรับงานวิจัยที่ทำให้ “ขำ” ก่อน “คิด”

Since 25 December 2012