ผู้เขียน : เพ็ญพิมล คงมนต์ ( This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. )
การทำเว็บไซต์ ที่ไม่คำนึงถึงการวางโครงสร้างเพื่อการเข้าถึงของบุคคลที่มีความบกพร่อง เช่น ผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตา ทางหู หรือ ผู้สูงอายุ เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในโลกแห่งการติดต่อสื่อสารในยุคดิจิตอล ปัจจุบันมีคนพิการ และผู้สูงอายุ เข้าถึงอินเทอร์เน็ตเกือบ 3 ล้านคน แต่มีเว็บไซต์ให้คนตาบอด ตาพร่ามัวใช้งานได้จริงไม่ถึง 1% เว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐประมาณ 90% ยังไม่รองรับการใช้งานของผู้พิการและผู้สูงอายุ
การพัฒนาเว็บไซต์ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า Web Accessibility คือ การออกแบบเว็บไซต์ โดยอิงตามแนวทางการพัฒนาที่เป็นมาตรฐาน องค์กร World Wide Web Consortium (W3C) จึงได้วางหลักการในการออกแบบเว็บไซต์เมื่อปี 2548 โดยใช้ชื่อว่า Web Content Accessibility Guidelines 2.0 (WCAG 2.0) เพื่อลดอุปสรรคเหล่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้มีคนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของหน่วยงานหรือองค์กรที่จัดทำได้เพิ่มมากขึ้น หลักการออกแบบเว็บไซต์ที่สำคัญ คือ
- ให้สร้าง “ตัวทดแทน” สำหรับคอนเทนต์ทางด้านกายภาพเสมอ หมายถึงการใส่ข้อความใดๆ ที่มีความหมายเดียวกับรูปภาพ เพื่อให้
ผู้ใช้ที่มีความพิการทางด้านการมองเห็นสามารถรับรู้ถึงข้อมูลได้ - การใช้เพียงแค่สี เครื่องมือในการอ่านข้อมูลบนจอ ไม่มีความสามารถในการแสดงสีมาให้ผู้พิการทางสายตา การใช้งานสีที่มีความใกล้กันกับพื้นหลังมากเกินไป จะทำให้ไม่สามารถแสดงผลออกทางจอภาพได้
- การใช้ Style Sheet และการจัดรูปแบบให้ถูกต้อง เช่น การใช้งานตารางเพื่อการกำหนดพื้นที่บนหน้า ทำให้ผู้ใช้เครื่องมือมีความยากลำบากในการเข้าถึงเนื้อหาของข้อความ
- ภาษาที่ใช้ เครื่องมือต่างๆ ไม่สามารถตรวจสอบภาษาที่ถูกต้อง 100% ได้ด้วยตนเอง ดังนั้นการบ่งบอกถึงภาษาที่ใช้จึงมีความสำคัญ
- การใช้ตารางให้ถูกวิธี ถ้าใช้ตารางแบบผิดๆ จะสร้างความลำบากให้แก่ผู้ใช้ที่ใช้ซอฟต์แวร์ในการอ่านหน้าจอที่มีความสามารถในการค้นหาตามช่องต่างๆ ของตาราง
- ผู้ใช้ต้องสามารถควบคุมเวลาของวัตถุใดๆ ได้ เช่น การทำตัววิ่ง หรือ หน้าที่มีการอัพเดตตลอดเวลา จะเป็นการทำลายความสามารถในการเข้าถึงของผู้ที่ไม่มีความสามารถในการอ่านข้อความในเวลาอันรวดเร็วได้ รวมถึงโปรแกรมอ่านหน้าจอที่ต้องใช้เวลาในการประมวลผลและค้นหา
- ผู้ใช้ต้องมีความสามารถในการควบคุมวัตถุใดๆ ที่มีหน้าตาโต้ตอบเป็นของตนเอง
ด้วยหลักการที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ทำให้ทราบว่าทำไมต้องเป็น Web Accessibility ทำให้เราสามารถตอบได้ว่า ความพิการ = ความบกพร่อง + อุปสรรค จึงทำให้ Web Accessibility เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดอุปสรรคเหล่านั้น
(ที่มา : นิตยสารสร้างสุข ปีที่ 8 ฉบับที่ 130 (ส.ค 2555) : 14-15)