ประเด็นทางประชากรและสังคม
จากห้องเรียนรู้...สู่สนามปฏิบัติการวิจัย
นักศึกษาปริญญาโทชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2556 สาขาวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
ดวงอาทิตย์สาดแสงสว่างให้ความกระจ่างทั่วท้องฟ้าเจ็ดโมงเช้าของหน้าหนาวและมันก็เป็นเวลาที่เรานัดหมายกัน นี่เป็นการลงปฏิบัติงานสนาม (fieldwork) อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกของพวกเราทุกคน...ไม่ตื่นเต้นกันบ้างก็ให้มันรู้ไป
รถตู้พาเรามุ่งหน้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี หลับบ้าง เม้าท์บ้างก็ว่ากันไป ทุกครั้งที่มีการออกเดินทางไม่ว่าจะเพื่อจุดประสงค์อะไรก็ตาม สิ่งที่ได้มากกว่าจุดหมายปลายทาง คือ ระหว่างทางที่ก้าวเดิน มีคนเคยบอกว่าบางครั้งจุดมุ่งหมายก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ได้ระหว่างทาง แต่สำหรับเรา มันสำคัญไปเสียทั้งหมด ทั้งจุดมุ่งหมายและระหว่างทาง!
ถึงกาญจนบุรี เข้าที่พัก ณ “ศูนย์ปฏิบัติการวิจัยกาญจนบุรี” ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการวิจัยของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม (สถาบันฯ เราเอง) ลงจากรถตู้ษ..กลิ่นความร่มเย็นของต้นไม้ใบหญ้าพัดมาแตะจมูก ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการไปพักตากอากาศที่บ้านต่างจังหวัดษษษษ
จากที่พักเดินทางเข้าสนามปฏิบัติการวิจัย แม้จะคุ้นเคยกับบ้านที่ต่างจังหวัด แต่ในตัวหมู่บ้านหรือสนามปฏิบัติการวิจัย มันกลับเป็นสถานที่ใหม่และไม่คุ้นชินสำหรับเรา
ลงสนามจริงกันเสียทีษษษเราได้แผนที่มาเพื่อศึกษาลักษณะหมู่บ้าน...ศึกษามันอย่างงงๆ และคิดภาพตามไม่ค่อยชัด เลยจับแผนที่ยัดใส่รถตู้และออกสำรวจหมู่บ้านเพื่อสัมผัสกับข้อมูลที่ได้มา มันเป็นชนบทที่ยังไม่มีการปรุงแต่งมากนัก สีเขียวสดของไร่อ้อยตัดกับท้องฟ้าครามจัดดูสบายตา ถนนลาดยางบ้างถ้าเป็นสายหลัก นอกนั้นก็เป็นดินแดง รถโยนไปมาตอนตกหลุม ฝุ่นตลบอบอวลยามรถขับผ่าน ปรากฏว่ามีบ้านหลายหลังที่หายไปและมีบ้านใหม่เพิ่มขึ้นมา นี่แค่ก้าวแรก แต่เราก็สัมผัสได้ว่า ความสนุกกำลังจะตามมา...
การเก็บข้อมูลเป็นเรื่องเฮฮาและมีอะไรให้ลุ้นอยู่ตลอด แต่ละวันเราแบ่งพรรคพวกออกเป็นสองทีมคือรถตู้และ
รถมอเตอร์ไซค์ มีแต่คนแย่งกันนั่งมอเตอร์ไซค์เพราะได้ความโลดโผนมากกว่า ลัดเลาะตามซอกซอยได้ง่ายกว่า บางบ้านอยู่ไกลลิบลับสุดลูกหูลูกตา มอเตอร์ไซค์พาเราไปขึ้นเขาลงห้วย ฝ่าดงอ้อยและมันสำปะหลัง บางรายเราได้เก็บข้อมูลกันข้างถนน บางรายในไซท์งานก่อสร้าง และบางรายกลางไร่มัน ช่างน่าตื่นตาตื่นใจอะไรเช่นนี้
นอกจากข้อมูลที่เราต้องการ บางครั้งเราก็ได้ฟังประสบการณ์ชีวิตของชาวบ้าน...ในทำนอง “มีสุขอยากแบ่งปันมีทุกข์ก็อยากระบาย” สายตาลิงโลดหรือน้ำที่คลอในตาบอกถึงอะไรบ้าง อาจเป็นความตื่นเต้นดีใจหรืออัดอั้นตันใจ ในนาทีนั้น อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนคุยและผู้รับฟังที่ดี เขาคงไม่ต้องการอะไรมากษษ.แค่ต้องการเห็นเราพยักหน้าแสดงความเข้าอกเข้าใจ
ตกเย็นษเราพากันกลับที่พัก กลางคืนของที่นี่บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดและสุขสงบ เหมือนคืนเดือนมืดที่มืดไปเสีย
ทุกทิศทาง คนเรานี่ก็แปลก อยู่กับความมืดนานไม่ได้ พลอยให้เห็นและจินตนาการไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มันแก้ไขได้ด้วยษการเปิดไฟและรวมตัวกัน
ทุกคืนเราจะประชุมประจำวัน และตรวจสอบงานสุดท้ายก่อนเข้านอน ก็พบว่าไม่ได้มีแค่เราแต่มีตุ๊กแกตัวใหญ่เบ้อเริ่มนอนเป็นเพื่อนเราในห้องด้วย ยี้! สยอง!
สิ่งที่ได้นอกจากการเรียนรู้ในสนามปฏิบัติการวิจัยจริง คือประสบการณ์ที่มากกว่าการนั่งเรียนในห้อง นั่นคือ ประสบการณ์จริงจากการทำงานด้วยกัน ได้ทั้งความรู้และทักษะการจัดการภาคสนามทุกสิ่งทุกอย่าง ที่สำคัญ การทำงานเป็นทีมหากขาดใครคนใดคนหนึ่งไปงานคงไม่เสร็จและไม่สนุก ช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะเหนื่อยกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง อดนอนกันบ้าง แต่มันก็คุ้มไม่ใช่หรือกับสิ่งตอบแทนที่ได้มา
ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม เราจะหาประสบการณ์อย่างนี้ได้จากที่ไหน ถ้าเราไม่ได้สัมผัสมันด้วยตัวเราเอง ทักษะตลอดจนความสามารถใดๆ นั้นต้องสั่งสมจากประสบการณ์ตรง ซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่างอะไรกับการฝึกบินของนก
และเมื่อจำนวนชั่วโมงบินสั่งสมได้อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้เราเป็นเสมือนดั่งนกที่บินได้ด้วยปีกที่แข็งแรงสู่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ได้อย่างโฉบเฉี่ยวในวันข้างหน้า