นานาสาระประชากร

“แต่ก่อน” ของคนยังไม่แก่

ปราโมทย์ ประสาทกุล  This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

จันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2555

ไม่น่าเชื่อ วันนี้ฟ้ายังมืดครึ้มด้วยเมฆฝน สองวันก่อนฝนยังเทลงมาอย่างหนัก แล้วจะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่า ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายนอย่างนี้แล้ว ยังไม่หมดฝน แต่ก่อน เมื่อถึงปลายเดือนตุลาคม ลมหนาวจะพัดโบกโชยมาจากทางเหนือ อากาศจะเย็นลง เรียกว่าเป็นระยะ “ปลายฝน ต้นหนาว” แต่ก่อน เมื่อถึงเดือนนี้ หรืออย่างล่าสักหน่อยก็เป็นปลายเดือนพฤศจิกายน ก็จะเห็นหนุ่มๆ สาวๆ ใส่เสื้อหนาวและผ้าพันคอกันลมหนาว สีสันสวยงามเดินอยู่ทั่วไป ดูเป็นบรรยากาศสดชื่นสวยงามอีกอย่างหนึ่งของเมืองไทย

ผมเอ่ยถึงคำว่า “แต่ก่อน” มาแล้วถึงสองครั้งในย่อหน้าแรก “แต่ก่อน” ของผมจะหมายถึงช่วงเวลาใดดี ถ้า “แต่ก่อน” ของผมหมายถึงช่วงเวลาในอดีต ก็คงเป็นอดีตที่ย้อนเวลาไปนานพอสมควร ไม่ใช่อดีตที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองสามปีที่ผ่านมานี้ “แต่ก่อน” ของผมน่าจะกินเวลา ตั้งแต่ผมจำความได้ เรื่อยมาจนเกือบถึงปัจจุบันเป็นเวลาที่ยาวนานประมาณ 60 ปีทีเดียว

“แต่ก่อนของผม” กินเวลาเพียงแค่ประมาณ 60 ปี แต่ “แต่ก่อน” ที่ไม่ใช่ของผมกินเวลายาวนานกว่านั้น แต่ก่อนของสังคมไทยคือเวลาในอดีตนับตั้งแต่กำเนิดสังคมไทย อาจนับเป็นเวลา 800-1,000 ปี แต่ก่อนของโลกก็นับเวลาตั้งแต่กำเนิดโลก หรือกำเนิดสังคมมนุษย์นับล้านๆ ปีก่อนก็ได้ แต่จะคิดถึง “แต่ก่อน” ของอะไรที่ไกลตัวทำไม คิดถึง “แต่ก่อนของผม” แค่นี้ก็มีเรื่องให้หวนรำลึกถึงมากมายเกินพอแล้ว

ถ้าตั้งคำถามว่ามีอะไรบ้างที่แต่ก่อนผมไม่เคยเห็น คงหาคำตอบได้ไม่รู้จบ ในรอบ 60 ปีที่ผ่านมานี้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทยของเรามากมายเหลือเกิน

กรุงเทพฯ แต่ก่อนนี้

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ก่อนเคยเข้ากรุงเทพฯ กับแม่  เคยนั่งรถสามล้อถีบไปตามถนนเพชรบุรีอันร่มรื่น แต่ก่อนถนนเพชรบุรีมาสุดที่ประตูน้ำ เพิ่งมาตัดใหม่จากประตูน้ำไปถึงคลองตัน แล้วเรียกถนนเพชรบุรีตัดใหม่เมื่อประมาณ 45 ปีมานี่เอง ผมเคยนั่งรถรางจากประตูน้ำไปสวนลุมพินีที่เขาจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญกันที่นั่น ผมเคยนั่งรถรางไปโรงเรียนจากต้นทาง

ที่เชิงสะพานเฉลิมโลกไปสุดทางที่เชิงสะพานกษัตริย์ศึกฝั่งยศเส ผมเคยนั่งรถเมล์ที่เก็บค่าโดยสารสองสลึงหรือ 50 สตางค์ รถเมล์บางสายลดค่าโดยสารให้นักเรียน เหลือเพียงสลึงเดียว

แต่ก่อน กรุงเทพฯ กับธนบุรีเป็นคนละจังหวัดกัน

แต่ก่อน กรุงเทพฯ ไม่มีตึกสูงระฟ้า ไม่มีตึกโชคชัยสูงเกือบ 40 ชั้น เป็นตึกสูงที่สุดในประเทศไทยอยู่ระยะหนึ่ง ไม่มีตึกใบหยกสูงเกือบ 80 ชั้น สร้างขึ้นมาทำลายสถิติตึกโชคชัย

แต่ก่อน การจราจรในกรุงเทพฯ แม้จะไม่เบาบางนัก แต่ก็ไม่หนาแน่นติดขัดเหมือนอย่างทุกวันนี้

แต่ก่อน บางเขน ดอนเมือง ลาดกระบัง หนองจอก มีนบุรี บางนา และพื้นที่แถวฝั่งธนบุรี นอกใจกลางเมืองออกไปเรียกว่าเป็นชนบท มีท้องไร่ท้องนา จนเรียกว่าเป็นบ้านนอกได้อย่างเต็มปาก

วัยรุ่นแต่ก่อนนี้

แต่ก่อน มีเด็กนักเรียนยกพวกตีกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยินว่าเอากันถึงตาย เด็กแว้นขี่มอเตอร์ไซค์ส่งเสียงดัง แข่งกันส่งเสียงแว้น แว้น ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่นยังไม่มี

แต่ก่อนผมไม่เคยได้ยินข่าวเด็กนักเรียนหญิงตบตีกัน เดี๋ยวนี้ผมเข้าอินเทอร์เน็ตดูยูทูป เป็นคลิปวีดีโอ เด็กผู้หญิงหลายคนรุมตบตี เตะ กระทืบนักเรียนหญิงรุ่นน้อง เห็นแล้วเศร้าสลดใจจนน้ำตาไหลด้วยความสงสารเหยื่อ และคิดเลยไปถึงหัวอกของพ่อแม่เด็กที่ถูกทำร้าย เหตุการณ์เด็กผู้หญิงรุมทำร้ายกันเช่นนี้ไม่ใช่มีรายเดียว แต่มีคลิปเด็กผู้หญิงทำร้ายกันนำมาเผยแพร่อยู่หลายรายการ

แต่ก่อน ผมเคยสูบบุหรี่ เพื่อนๆ ผู้ชายวัยเดียวกันส่วนมากสูบบุหรี่ บางครั้งเพื่อนไปด้วยกันเป็นกลุ่มเกือบสิบคน มีเพื่อนที่ไม่สูบบุหรี่อยู่คนเดียวเพราะแพ้บุหรี่ แต่... แต่ก่อนผมก็ไม่ได้ยินข่าวเรื่องเด็กและเยาวชนติดยาเสพติดกันมากมายเหมือนทุกวันนี้  แต่ก่อนผมเคยได้ยินว่า ถ้าจะไม่ให้ง่วงเวลาดูหนังสือ ต้องกิน “ยาขยัน” แต่ผมไม่เคยกิน เพราะขยันด้วยตัวเองอยู่พอประมาณแล้ว มารู้ภายหลังว่า ยาขยันนี้ คือ แอมเฟตามีน ซึ่งต่อมาเรียกว่า “ยาม้า” แล้วต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “ยาบ้า” นั่นเอง แต่ก่อนผมเคยเห็นขี้ยาแอบไปสูดเฮโรอีนที่ศาลาร้างในวัดเทพศิรินทร์ แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามียาไอซ์หรือยาอี

แต่ก่อน ผมไม่เคยได้ยินว่าวัยรุ่นหญิงเขาทำแต้มแข่งกันเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่ก่อนการที่เด็กผู้หญิงไปนอนค้างบ้านเพื่อนผู้ชายถือเป็นเรื่องไม่ธรรมดา

การสื่อสารคมนาคมแต่ก่อนนี้

แต่ก่อน ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ  บ้านใครมีโทรศัพท์ประจำบ้านก็นับว่าดีแล้ว ขนาดจะขอโทรศัพท์ไว้ใช้ที่บ้าน ยังต้องจองและต้องวางเงินมัดจำไว้กับองค์การโทรศัพท์ ตามบ้านนอก สายโทรศัพท์ยังไปไม่ถึง จึงยังไม่มีโทรศัพท์ใช้กัน

แต่ก่อน ไม่มีเครื่องแฟกซ์ เรื่องไอแพด ไอโฟน อีเมล์ อินเทอร์เน็ต ไม่ต้องพูดถึง

แต่ก่อน โทรทัศน์มีแต่ขาวดำ ไม่มีสีสดใสเป็นธรรมชาติอย่างทุกวันนี้ สถานีโทรทัศน์แรกเริ่มมีอยู่ช่องทางเดียว คือ ช่อง 4  บางขุนพรหม  ต่อมาก็มีสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ที่สนามเป้า  ช่อง 4 เปลี่ยนเป็นช่อง 7 ยังไม่มีช่อง 3 ช่อง 9 ช่อง 11 ไทยพีบีเอส และช่องอะไรต่อมิอะไรมากมายเป็นร้อยช่องอย่างทุกวันนี้

แต่ก่อน ไม่มีรถทัวร์ รถตู้ วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

แต่ก่อน ไม่มีเรือโดยสารวิ่งในคลองแสนแสบ ไม่มีเรือประจำทางวิ่งรับส่งผู้คนตามท่าเรือต่างๆ ริมน้ำเจ้าพระยาในเขตกทม. และนนทบุรี

แต่ก่อน ไม่มีถนนสายบางนา-ตราด จะมาจากจังหวัดในภาคตะวันออกเข้ากรุงเทพฯ ต้องมาทางถนนสุขุมวิท ผ่านคลองด่าน บางปิ้ง สำโรง บางนา พระโขนง และแต่ก่อนยังไม่มีมอเตอร์เวย์

แต่ก่อน ไม่มีทางด่วน สะพานข้ามแยก สะพานคนเดินข้ามถนน ถนนทุกสายรถวิ่งสวนทางกันได้ ไม่มีทางหลายเลนแยกไปทางมาทางเหมือนในปัจจุบัน ไม่มีรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่มีรถใต้ดิน

แต่ก่อน ไม่มีถนนหนทางหลายร้อยสายที่เดี๋ยวนี้มี

แต่ก่อน ไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติแห่งเดียวของประเทศ แต่ก่อนไม่มีสนามบินในหลายจังหวัดมากมายเหมือนที่มีอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีสายการบินแอร์เอเชีย นกแอร์ วันทูโก พีบี (เดี๋ยวนี้ไม่มีสายการบินนี้แล้ว) บางกอกแอร์เวย์ และอีกหลายสาย แต่ก่อนไม่มีเที่ยวบินไปกลับระหว่างจังหวัดใหญ่ๆ ในทุกภาคของประเทศที่บินกันว่อน และมีผู้คนไปใช้บริการที่สนามบินกันมากมายอย่างกับจะเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง

แต่ก่อน ไม่มีทางที่จะไปทำธุระที่เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือหาดใหญ่ แบบไปเช้าเย็นกลับ เดี๋ยวนี้บางคนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนเช้า ทำธุระแล้วกินข้าวกลางวันที่เชียงใหม่ พอบ่ายๆ ก็บินกลับ

แต่ก่อนไม่มีคนมากมายขนาดนี้

แต่ก่อน ผู้คนมีไม่มาก ไม่แออัดหนาแน่นเหมือนทุกวันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผมสังเกตเห็นผู้คนเดินข้ามถนนบนทางข้าม เห็นคนรอรถเมล์ คนที่กรูกันขึ้นรถเมล์ที่มีอยู่มากมายหลายสาย รวมทั้งพลุกพล่านอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เดี๋ยวนี้ช่างมีคนมากมายเหลือเกิน

แต่ก่อน ตอนที่ผมยังเป็นเด็กเมื่อราว 60 ปีก่อน คนไทยมีอยู่ราว 20 ล้านคนเท่านั้น เดี๋ยวนี้ มีคนอยู่ในประเทศไทยรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 65 ล้านคน

แต่ก่อน ไม่มีแรงงานต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศไทยมากมายอย่างทุกวันนี้

แต่ก่อน มีคนแก่ไม่มากเหมือนทุกวันนี้  แต่ก่อนมีคนอายุ 65 ปีขึ้นไปเพียง 3-4 เปอร์เซ็นต์ เดี๋ยวนี้ผู้สูงอายุมีอยู่ถึง 9 เปอร์เซ็นต์

แต่ก่อน คนในกรุงเทพฯ มีอยู่ไม่กี่แสนคน เดี๋ยวนี้ถ้านับรวมคนในเขตกรุงเทพมหานครกับคนที่อยู่ในเขตปริมณฑล ทั้งนนทบุรี ปทุมธานี  สมุทรปราการ สมุทรสาคร และบางส่วนของนครปฐมแล้ว ก็น่าจะถึง 10 ล้านคน

แต่ก่อนผมยังเป็นเด็ก แต่ก่อนผมเป็นหนุ่ม ผมลืมไปแล้วว่ามีช่วงหนึ่งที่ผมอยู่ในวัยกลางคน มารู้สึกตัวเอาตอนนี้ว่าตัวเองกำลังจะแก่ เป็นผู้สูงอายุไปแล้วตามคำจำกัดความของกฎหมายไทย ที่ในพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ 2546 ได้กำหนดไว้ว่า ผู้สูงอายุ คือผู้มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

ผมถามตัวเองว่าเราเป็นผู้สูงอายุแล้วจริงหรือ เราแก่แล้วจริงหรือ ผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่แก่ ยังไม่สมควรเป็นผู้สูงอายุ ทำไมกฎหมายจึงมากำหนดให้ผมต้องเป็นผู้สูงอายุด้วย ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ถ้าผมยังแข็งแรง สุขภาพดี และยังรู้สึกว่าไม่แก่ ผมก็ไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นผู้สูงอายุ

ตอนนี้ผมยังขอเป็นคนหนุ่มก่อน พร้อมจะเป็นผู้สูงอายุเมื่อไรแล้วจะบอก 

 

เดือนสิบสองคืนนั้นจันทร์แจ่มฟ้า
ปวงประชาชื่นสุขทุกแห่งหน
กระทงเทียนลอยรายในสายชล
กระทงทุกข์หลุดพ้นวังวนใจ

Since 25 December 2012