สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลกับความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิตของวัยแรงงานในประเทศไทย

มยุรา จรรยารักษ์1 อุมาภรณ์ ภัทรวาณิชย์ และมาลี สันภูวรรณ์2
บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลที่มีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิตของกลุ่มประชากรวัยแรงงาน โดยควบคุมด้วยปัจจัยระดับบุคคลและปัจจัยระดับชุมชน จากข้อมูลทุติยภูมิของโครงการสำรวจสุขภาพจิตคนไทยที่ดำเนินการไปพร้อมกับการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2552 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีประชากรวัยแรงงานอายุ 15-59 ปี จำนวน 62,229 คน เป็นผู้ให้ข้อมูล ผลการศึกษาพบว่า ประมาณหนึ่งในสิบของวัยแรงงาน มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิต และสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิตของวัยแรงงานในประเทศไทย โดยที่ผู้ที่ได้รับสวัสดิการข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจน่าจะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตน้อยกว่าผู้ที่ได้รับสวัสดิการจากนายจ้าง จากหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จากระบบประกันสังคม และไม่ได้รับสวัสดิการ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับสวัสดิการข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ มีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิตมากกว่าผู้ที่มีประกันสุขภาพเอกชน นอกจากนี้ยังพบว่า ปัจจัยระดับบุคคล ได้แก่ เพศ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ ประเภทค่าจ้างและรายได้ ปัจจัยระดับชุมชนได้แก่ ภูมิภาคและเขตที่อยู่อาศัย ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพจิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นข้อเสนอแนะจากผลการศึกษานี้คือ หนึ่ง รัฐควรเร่งประสานความร่วมมือระหว่างกองทุนต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมลำของสิทธิ ประโยชน์ด้านสุขภาพ และ สองหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิตไว้ในหลักสูตรการศึกษาระดับประถมศึกษา

คำสำคัญ: สุขภาพจิต สุขภาพจิตวัยแรงงาน สวัสดิการกับสุขภาพจิต

1 งานพยาบาลผู้ป่วยพิเศษ ฝ่ายการพยาบาล, โรงพยาบาลศิริราช
2 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล

 

Medical Benefits and Risk of Mental Health Problems among the Working-Age Population in Thailand.

Mayura Junyaruk1, Umaporn Pattaravanich and Malee Sunpuwan2
Abstract

This study aimed to compare the mental health of individuals with different medical benefits of the working-age population in Thailand. The research was based on survey data from the Thai Mental Health Project. The data was collected by the National Statistical Office in the 2009 Household Socio-Economic Survey. The sample group included 62,229 respondents aged 15-59 years old. The data was analyzed by Logistic Regression. The results showed that about one-tenth of the working-age population have a risk for mental health. From the Logistic Regression analysis, medical benefits statistically significant affect the risk for mental health of the working-age population. Moreover, individual factors such as gender, marital status, education, occupation, wage, and income as well as community factors such as area, and region, affect the risk for mental health of the working-age population. From the results of this research, it is suggested that 1) the government should enhance to cooperate with the health fund agencies in order to decrease the gap of health inequality rights. 2) The government should add a course for mental health
promotion in the curriculum of primary school education. 

Keywords: Mental health, Mental health of working-age population, Medical Benefits and mental health

1 Nursing Deparment, Siriraj Hospital
2 Institute for Population and Social Research, Mahidol University\